วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2555

แนวคิดและทฤษฎีของ Marry Parker Follett


Marry Parker Follett



ชื่อทฤษฎี่ : กฎแห่งความเหมาะสมตามสถานการณ์ (Law of Situation)


หลักการและแนวคิด

เป็นทฤษฎีสมัยปัึจจุบัน มีลักษณะของการวิเคราะห์องค์การในเชิงระบบ Follett เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องในทฤษฎีสมัยปัจจุบันระหว่างปี ค.ศ.1920-1930 ผลงานของเธอเป็นเรื่องเกี่ยวกับจิตวิทยาของความสัมพัธ์ในองค์การธุรกิจ ที่รวมเอาความสนใจต่าง ๆ ในเรื่องของตัวบุคคลและองค์การ เธอได้เสนอแนะว่าควรจะมีการทำงานต่าง ๆ ให้สำเร็จด้วยการมีจิตใจที่จะร่วมมือประสานกัน โดยเห็นว่าบุคคลทุกคนจะถูกนับว่าเป็นคน ๆ หนึ่ง เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม และเป็นส่วนหนึ่งของสังคมด้วย จะเห็นว่าการเสนอแนะของ Follett สามารถที่จะทำให้บรรลุผลสำเร็จได้โดยไม่ต้องเสียผลประโยชน์ขององค์การไป สรุปได้ว่า Follett ได้เสนอเป็นหลักการพื้นฐานในการจัดการไว้ 4 ประการ คือ

1. ความสำคัญของการติดต่อสื่อสารในแนวราบ (Horizontal Communication)

2. การเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการบริหาร (Participative Managent)

3. การตัดสินใจที่มีระบบ

4. การบริหารที่มีระบบ


กฎการบริหารของ Follett

1. กฎของสถานการณ์ (Law of situation) โดยทำให้หัวหน้า และลูกน้องเข้าใจในสภาพการทำงานที่เป็นอยู่ โดยไม่รู้สึกว่าตนถูกบังคับ เนื่องจากการติดต่อสื่อสารและการเข้ามามีส่วนร่วมในการบรหาร

2. กฎของการรวมตัวกัน (Law of Integration) โดยเห็นว่าเมื่อมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นในองค์การ มีทางออกดังนี้

- การครอบงำทางความคิด (Domination)

- การบังคับให้อีกฝ่ายหนึ่งยอมรับ /ประนีประนอม (Compromising)

- การรวมตัวกัน (Integration)

เครื่องมือนี้ใช้เพื่ออะไร
           ด้านการประสานงานเพื่อความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างคนง่านและฝ่ายจัดการ เพื่อ
              1. กระตุ้นศักยภาพของแต่ละบุคคลบนพื้นฐานของความเป็นจริงและสถานการณ์
              2. พิจารณาแนวคิดของแต่ละคนและพยายามทำความเข้าใจเขามากขึ้น
              3. ผสมผสานแนวคิดต่างๆ ดังกล่าวเข้าด้วยกันและนำมาใช้เป็นจุดหมายรวมกัน (Common goal) (pittajarn.lpru.ac.th/~chitlada/ WEBPAGE/om/2.pdf)

Dynamics Administration เป็นแนวคิดที่บรรยาย ให้ผู้บริหาร แก้ปัญหาความขัดแย้งในองค์การโดยการสร้างมนุษยสัมพันธ์ และพยายามให้นายทุนคิดถึงคนงานบ้าง ไม่คิดแต่เรื่องเงินเพียงอย่างเดียวแนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนโดยเอลตัน เมโย (Elton Mayo) และ เอฟ.เจ.โรธลิสเบอร์เกอร์ (F.J.Roethlisberger) แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาด
ข้อดีและข้อเสีย
    ข้อดี:
     1.  เกิดแรงจูงใจในการทำงาน
     2.  เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ๆ
     3.  แลกเปลี่ยนความรู้/ความคิดเห็น
     4.  ปรับปรุงและพัฒนางานให้ดีขึ้น
       5.  เกิดแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆ
     ข้อเสีย :
         1.  ทำให้ความสัมพันธ์ของบุคคลในองค์กรดีขึ้นเกิดความตึงเครียดมากขึ้น
      2.  ขาดการประสานงาน/ความไม่สงบสุข
      3.  มีการก้าวร้าว กดขี่ และทำลายฝ่ายตรงข้าม
      4.  ฉวยโอกาสใช้ความขัดแย้งเป็นข้อเรียกร้อง
      5.  มุ่งเอาชนะมากกว่าจะมองผลกระทบ
      6.  นำไปสู่ความยุ่งเหยิง
      7. ไม่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

การนำไปใช้
         สามารถนำเอาหลักทฤษฎีและแนวคิดของ Mary Parter Follett ไปใช้ในการทำงานร่วมกัน โดยให้ความสำคัญกับปัจเจกบุคคลในอันที่จะบรรลุซึ่งวัตถุประสงค์ขององค์การ


กรณีศึกษา
บริษัท คอมแพค คอมพิวเตอร์ ได้ประสบความสำเร็จในธุรกิจอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดยมีความเข้าใจระบบการบริหารงานแบบมีส่วนร่วม และแผนการตลาดอย่างดี ในขณะที่มีบริษัทคู่แข่ง เช่น ไอบีเอ็ม เฮลเลตต์ แพคคาร์ด, แพคการ์ดเบล และแอปเปิ้ล ในปี 1993 บริษัท คอมแพค ได้ปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมในการทำงาน โดยให้พนักงานมีส่วนร่วมในการวิเคราะห์อุปสรรค และโอกาสจากสิ่งแวดล้อมภายนอก และวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อนภายในองค์การ มีการประเมินภาระหน้าที่ขององค์การ ทรัพยากร และทักษะด้านต่างๆ ของบุคลากรทุกระดับ เพื่อการตัดสินใจร่วมกันในการเตรียมแผนกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จ




เรียบเรียงโดย
นางสาวรุ่งลักษมี  รอดขำ
DBA 04 มหาวิทยาลัยศรีปทุม


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น